當前位置

首頁 > 語言學習 > 泰語學習 > 泰國人也會用錯泰語? 知道這些你就不會奇怪啦!

泰國人也會用錯泰語? 知道這些你就不會奇怪啦!

推薦人: 來源: 閱讀: 7.42K 次

語言是一種非常精細的東西,稍不留神就很容易出現各種各樣的小錯誤,大家行走在泰國的大街小巷,一定曾經有看到過各種標牌上的泰語書寫錯誤。其實泰國人在使用泰語的過程中也會有各種各樣的問題,背後都是有原因的,那是因爲泰語太難了嗎?快來看今天的文章吧!

泰國人也會用錯泰語? 知道這些你就不會奇怪啦!

เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไม “ภาษาไทย” ซึ่งเป็นภาษาแม่ที่เราใช้กันตั้งแต่เกิด พูดกันทุกวัน เขียน/พิมพ์กันทุกวัน แต่ก็ยังใช้กันผิด ๆ ถูก ๆ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เรียนกันมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล และผ่านการเรียนหลักภาษากันมาแล้ว
大家有沒有曾經疑惑,泰語 是泰國人從出生就學習的、每天都說、每天都寫的一種語言,儘管是從幼兒園就開始學習,已經學習了很多年了,但仍然是對的和錯的夾雜在一起。

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า “ภาษาไทย” เป็นภาษาในกลุ่มภาษาไท (Tai) ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของตระกูลภาษาขร้า-ไท (Kra–Dai Languages) หรือที่คุ้นหูกันว่าไท-กะได (Tai–Kadai) โดยจุดเด่นของภาษาตระกูลนี้คือ “เสียงวรรณยุกต์” ที่มีลักษณะเป็นเสียงสูง-เสียงต่ำคล้ายเสียงดนตรี
首先,先要了解一下,泰語 屬於臺語的一種,屬於仡臺語系,這個語系的一個突出特點就是有高有低的聲調,就像音樂一樣。

นอกจากมีความไพเราะเสนาะหูแล้ว การออกเสียงวรรณยุกต์ที่ต่างกันก็ยังส่งผลต่อความหมายของคำด้วย ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของภาษาไทยที่มีการไล่เสียงคำ หรือที่เรียกว่า “การผันวรรณยุกต์” นั่นเอง ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเขียนภาษาไทยกันผิด ๆ สามารถจำแนกได้ดังนี้
除了好聽之外,不同聲調 的變化會給詞的意義也帶來不同,泰語一個很特殊的地方就在於聲調的變換。讓泰國人用錯泰語的主要原因已經分類總結在下面的內容中了。


泰國人也會用錯泰語? 知道這些你就不會奇怪啦! 第2張


1. แยกภาษาพูด-ภาษาเขียนไม่ออก
1. 分不清口語和 書面語

ภาษาพูด เป็นภาษาที่ไม่เป็นทางการ ใช้สนทนาในชีวิตประจำวัน ทั้งพูด และเขียน/พิมพ์ ที่ไม่ใช่การติดต่อกิจธุระ口語:是不正式的語言,在日 常生活的對話、書寫中使用,不在商業往來中使用ภาษาเขียน เป็นภาษาที่ใช้ติดต่อกันอย่างเป็นทางการ ในการติดต่อกิจธุระ書面語:是正式交往中使用的 語言,在商業往來中使用

หากสังเกตจะพบว่า แทบไม่มีใครใช้คำว่า “เขา” ในการพูดคุยในชีวิตประจำวันเพื่อใช้เรียกแทนสรรพนามบุรุษที่ 3 แต่จะใช้ “เค้า” แทน ดังนั้น เมื่อจำเป็นต้องใช้ในการเขียนติดต่อที่เป็นทางการ จึงมีคนติดใช้ “เค้า” ในการเขียนแทน “เขา” ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ภาษาเขียน แม้ว่าจะสื่อสารได้เช่นกัน แต่กลับลดความน่าเชื่อถือลงไปหากนำไปใช้ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้คำเขียนที่เป็นทางการ เช่น การติดต่อทางราชการ หรือติดต่อธุรกิจ เป็นต้น
如果仔細觀察就會發現,在日常生活的對話中幾乎看不到第三人稱代詞เขา,而是用เค้า來代替。因此,在需要正式的書寫時,就也會用成เค้า這個詞來代替เขา,這不符合書面語的規則。儘管所傳 達的意思一樣,但是會降低我們在正式場合下的可信程度,比如公務往來或者商業往來等等。

泰國人也會用錯泰語? 知道這些你就不會奇怪啦! 第3張


2. ไม่เข้าใจคำพ้องรูป-พ้องเสียง
2. 不瞭解 同形-同音詞


คำพ้องเสียง
 音詞

“หน้า” กับ “น่า” และ “หย่า” กับ “อย่า” คือตัวอย่างของ “คำพ้องเสียง” ที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนต่างกันและมีความหมายต่างกัน เมื่อใช้ “หน้า” และ “น่า” ผิด จึงทำให้การสื่อสารมีปัญหา เช่น น่ารัก กลับเขียนเป็น “หน้ารัก” เป็นต้น ซึ่งคำว่า “หน้า” หมายถึง ใบหน้า หรือด้านหน้า ส่วน “น่า” เป็นคำวิเศษณ์ที่มีความหมายชักชวน ทำให้อยาก เช่น น่ากิน น่าอยู่ หรือใช้ประกอบหน้าคำกริยา (ลักษณะของคำประสม) ในความหมายว่าควร เช่น น่าจะไป น่าจะทำ
หน้า和น่า/naa3/、ห ย่า和อย่า/yaa2/是同音詞的例子,它們發音相同,但是寫法不同,意義也不同,混用這兩個詞會造成意義混亂,例如น่ารัก可愛變成了หน้ารัก等等。หน้า這個詞的意思是臉或前方,而น่า是表示讓人產生想要的副詞,例如น่ากิน“好吃”、น่าอยู่“宜居”,或者加在同詞前面表示“應該”,比如น่าจะไป“可能回去”、 น่าจะทำ“可能會做”。

คำพ้องรูป
同形 

“แหน” กับ “แหน” เป็นตัวอย่างในกรณี “คำพ้องรูป” เมื่อคำหนึ่งอ่านว่า “แหฺน” ที่แปลว่า ชื่อพืชชนิดหนึ่ง ส่วนอีกคำอ่านว่า “แหนฺ” ที่แปลว่า “หวง ล้อม รักษา เฝ้าระวัง (มาจากหวงแหน)” ซึ่งการใช้แปลความหมายของคำพ้องรูปให้ถูกต้องนั้น จำเป็นต้องอาศัย “บริบท” หรือลักษณะความหมายแวดล้อมของประโยค จึงจะทราบว่าคำดังกล่าวต้องอ่านเช่นไร หากพูดถึงพืช ก็ต้องออกเสียง แหฺน แต่ถ้าใช้ในความหมายรักษา หวงแหน ก็ต้องออกเสียง แหนฺ
แหน和แหน是同形詞,當一個 詞讀作แหฺน/nae5/,意思是一類植物,另一個詞讀作แหนฺ/haen5/,意思是“包圍、保護”,要想正確翻譯理解這兩個同形詞必須要依賴上下文或者劇中的其他詞意,才能知道這個單詞應該怎麼讀。如果是說植物,就要讀作/nae5/,如果是說保護,就要讀成/haen5/。

泰國人也會用錯泰語? 知道這些你就不會奇怪啦! 第4張

(就像猴子和猴面蘭花,看着很像,但其實根本不是同一樣的)


3. เว้นวรรคผิด
3. 斷詞錯 

“เว้นวรรคผิดชีวิตเปลี่ยน” เพราะทำให้การสื่อสารผิดความหมาย ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สัมฤทธิผล ตัวอย่างเช่น “ตากลม (ตาก-ลม)” และ “ตากลม (ตา-กลม)” หรือตัวอย่างตั้งแต่เรียนประถมศึกษา “ยานี้ดีกินแล้วแข็งแรงไม่มีโรคภัยเบียดเบียน” ซึ่งทำให้เห็นว่า การเว้นวรรคผิดในประโยคหรือในวลีที่ยาว จะทำให้เกิดปัญหาในการสื่อสารที่ผิดเพี้ยน และอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ง่ายขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเว้นวรรคให้ถูกต้อง
“斷詞錯誤命運改變”,因爲會導致傳達的意思改變,交流變得無效,例如“ตากลม (ตาก-ลม)”/taak2-lom1/ และ “ตากลม (ตา-กลม)”/taa1-klom1/,又或者是小學就會學到的例子“ยานี้ดีกิ นแล้วแข็งแรงไม่มีโรคภัยเบียดเบียน”。讓我們看到,在句子中的長短語短句錯誤的話,傳達的意思會改變,可能更容易讓人誤解,一定要把句子斷正確。

 

4. ผันวรรณยุกต์ไม่เป็น
4. 不會聲調 變化

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการผันวรรณยุกต์ คือ “ไตรยางศ์”, “คำเป็น-คำตาย” และ “วรรณยุกต์” ซึ่งทั้งสามสิ่งเป็นเงื่อนไขที่ทำให้คนไทยหลายคนสับสนการใส่วรรณยุกต์ “คะ ค่ะ” และอีกหลายคำ จึงกลายเป็นปัญหาในการสื่อสาร หากไม่ใส่ใจเรื่องของการผันวรรณยุกต์ ก็จะทำให้การสื่อสารผิดพลาดและเกิดความเข้าใจผิดได้
和聲調變換相關的就是三組輔音、活音節-死音節和聲調符號。這三個條件都會讓泰國人對“คะ/kha4/ ค่ะ/kha3/”和其他很多詞的聲調產生疑惑,導致了交流中的問題。如果不注意聲 調變化的問題,就會導致交流中的誤解。

ไตรยางศ์ และวรรณยุกต์
三組輔音和聲調符 

หากจะผันวรรณยุกต์ให้ถูกต้องก็จำเป็นต้องเข้าใจเสียก่อนว่าไตรยางศ์นั้นประกอบด้วยอักษร 3 หมู่ คือ อักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ ส่วนวรรณยุกต์ในภาษาไทยมีวรรณยุกต์ 4 รูป คือ วรรณยุกต์เอก (-่) วรรณยุกต์โท (-้) วรรณยุกต์ตรี (-๊) และวรรณยุกต์จัตวา (-๋) และมี 5 เสียง คือ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงวัตวา
想要正確變換聲調,就要先知道三組泰語字母,分成中輔音、高輔音和低輔音。泰語的聲調符號一共有四個,分別是第二聲調符號(-่)、第三聲調符號(-้)、第四聲調符號(-๊)、第五聲調符 號 (-๋)。泰語中的聲調共有五個,分別是第一聲調(33)、第二聲調(22)、第三聲調(41)、第四聲調(53)和第五聲調(24)。

อักษรกลาง มี 9 รูป 7 เสียง ได้แก่ ก จ ด ต (ฎ ฏ) บ ป อ สามารถผันวรรณยุกต์ได้ครบทั้ง 5 เสียง中輔音共9個字母,發7個音,分別是ก จ ด ต (ฎ ฏ) บ ป อ,可以發出全部5個聲調อักษรสูง มี 11 รูป 7 เสียง ได้แก่ ข (ฃ) ฉ (ฐ) ถ ผ ฝ (ศ) ส (ษ) ห สามารถจับคู่เสียงกับอักษรต่ำคู่高輔音共有11個字母,發 7個音,分別是ข (ฃ) ฉ (ฐ) ถ ผ ฝ (ศ) ส (ษ) ห,可以和低輔音結合在一起อักษรต่ำคู่ มี 14 รูป 7 เสียง คือ ข (ฃ) คู่กับ ค (ฅ ฆ) / ฉ คู่กับ ช (ฌ) / (ฐ) ถ คู่กับ (ฑ ฒ) ท (ธ) / ผ คู่กับ พ (ภ) / ฝ คู่กับ ฟ / (ศ) ส (ษ) คู่กับ ซ และ ห คู่กับ ฮ有配對的低輔音,有14個字母,發 7個音,分別是ข (ฃ) 搭配 ค (ฅ ฆ) / ฉ 搭配 ช (ฌ) / (ฐ) ถ 搭配 (ฑ ฒ) ท (ธ) / ผ 搭配 พ (ภ) / ฝ 搭配 ฟ / (ศ) ส (ษ) 搭配 ซ และ ห 搭配 ฮ

ทั้งนี้ อักษรสูงสามารถผันวรรณยุกต์ได้เพียง 3 เสียง และปรากฏรูปวรรณยุกต์เพียง 2 รูปเท่านั้น เช่น ขา ข่า ข้า ขณะที่อักษรต่ำเดี่ยว มี 10 รูป 7 เสียง ได้แก่ ง (ญ) (ณ) น ม ย ร ล ว (ฬ) และอักษรต่ำ สามารถผันวรรณยุกต์ได้เพียง 3 เสียง ปรากฏรูปวรรณยุกต์เพียง 2 รูปเท่านั้น เช่น คา ค่า ค้า ซึ่งจะสังเกตได้ว่า อักษรต่ำคู่ที่มีเสียงจับคู่กับอักษรสูง จะทำให้ผันได้ครบ 5 เสียง คือ คา ข่า ข้า(ค่า) ค้า ขา
因此,高輔音只能變換出3個聲調,只能使 用兩種聲調符號,分別是第二聲調和第三聲調符號;低輔音還有無配對的低輔音,共10個字母,發7個音,分別是ง (ญ) (ณ) น ม ย ร ล ว (ฬ)。低輔音只能變換出三種聲調,可以添加兩種聲調符號,分別是第二聲調和第三聲調符號。可以看到,當把高輔音和低輔音結合在一起後,就能發出全部的五個聲調,例如คา/khaa1/ ข่า/khaa2/ ข้า(ค่า)/khaa3/ ค้า/khaa4/ ขา/khaa5/.

คำเป็น-คำตาย
活音節- 死音節

คำเป็น คือ คำที่ประสมด้วยสระเสียงยาว และสะกดด้วยมาตราตัวสะกดแม่กง กน กม เกย เกอว活音節 是以長元音或者/ng/、/n/、/m/、/y/和/u/爲尾音的音節คำตาย คือ คำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น และสะกดด้วยมาตราตัวสะกดแม่กก กด กบ死音節是以短元 音或/k/、/t/、/p/爲尾音的音節

คำเป็น-คำตาย ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อนำมาผันวรรณยุกต์จะยิ่งมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ดังเช่นกรณีของคำว่า คะ/ค่ะ ที่หลายคนมักเขียนผิดกันอยู่บ่อย ๆ
活音節和死音節可以說是非常重要的, 因爲它讓泰語的聲調變化更加複雜,就好像很多人都會寫錯的คะ/ค่ะ這兩個詞。

“คะ” เป็นคำตาย (สระเสียงสั้น) รูปสามัญ แต่เป็นเสียงตรี (คะ-จ๊ะ)คะ/kha4/是死音節(短元 音),無聲調符號,但發第四聲調“ค่ะ” เป็นคำตาย (สระเสียงสั้น) รูปเอก แต่เป็นเสียงโท (ค่ะ-จ้ะ)ค่ะ/kha3/是死音節(短元音 ),第二聲調符號,但發第三聲調“คา” เป็นคำเป็น (สระเสียงยาว) รูปสามัญ เสียงสามัญ (คา-จา)คา/khaa1/是活音節(長元 音),無聲調符號,但發第一聲調“ค่า” เป็นคำเป็น (สระเสียงยาว) รูปเอก เสียงโท (ค่า-ป้า)ค่า/khaa3/是活音節(長音 節),第二聲調符號,但發第三聲調

泰國人也會用錯泰語? 知道這些你就不會奇怪啦! 第5張


ตัวอย่างการใช้ คะ ค่ะ นะคะ น่ะค่ะ ที่ถูกต้อง
一些正確使用 的例子

“คะ” ใช้ในความหมาย “คำถาม” และ “แสดงความสุภาพ” เช่น อะไรนะคะ จริงหรือคะ ขอบคุณนะคะ แต่ “ค่ะ” ใช้ในความหมาย “บอกเล่า” และ “ตอบรับ” เช่น ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ ไม่เป็นไรค่ะคะ/kha4/用在“疑問”和“表示 禮貌”的時候,例如อะไรนะคะ“什麼?”、จริงหรือคะ“真的嗎?”、“ขอบคุณนะคะ“謝謝哦!”;但是ค่ะ/kha3/用在“陳述”和“應答”時,例如ได้ค่ะ“可以”、สวัสดีค่ะ“你好”、ไม่เป็นไรค่ะ“沒關係”等等。“นะคะ” ใช้กับการบอกเล่า ตอบรับ ตอ บคำถาม เช่น โอเคนะคะ ไปก่อนนะคะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะนะคะ/na4 kha4/用在陳述、應答、回答問題 ,例如โอเคนะคะ“好的”、ไปก่อนนะคะ“先走了哦”、ขอบคุณมาก ๆ นะคะ“非常感謝”。“น่ะค่ะ” จะใช้กับการบอกเล่า ตอบรับ ตอบคำถาม เช่น เธอกำลังรีบน่ะค่ะถึงได้ไปโดยไม่บอกกล่าวน่ะค่ะ/na3 kha3/用在陳述、應答、回答 問題時,例如เธอกำลังรีบน่ะค่ะถึงได้ไปโดยไม่บอกกล่าว“她正着急呢,所以沒說就走了。”

ทั้งหมดนี้ หากพิจารณาเรื่องการผันวรรณยุกต์และความหมายของการใช้งานแล้ว จะรู้ทันทีว่าความหมายไม่เหมือนกัน จึงสามารถสรุปได้ว่า แม้ภาษาไทยจะเป็นภาษาที่เราใช้กันทุกวัน แต่คนไทยหลายคนกลับยังไม่แม่นเรื่องการผันวรรณยุกต์ และการสะกดคำเป็น-คำตาย จึงทำให้ “คะ ค่ะ” ยังเป็นคำที่ใช้กันไม่ถูกต้องเสียที
綜上所述,如果考 慮到聲調的變化和實際使用中的含義,就會知道它們的意思是不一樣的,所以可以總結來說,儘管泰語是泰國人日常生活中使用的語言,仍然有一些詞存在着誤用。

อย่างไรก็ตาม มีคนแย้งว่า การเขียนผิดไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ จะต้องเข้มงวดอะไรนักหนา หากสื่อสารรู้เรื่องก็พอแล้ว แต่เหตุผลหนึ่งเดียวที่สำคัญที่สุดที่เราจำเป็นต้องสะกดให้ถูกก็คือ เพื่อให้การสื่อสาร “สัมฤทธิ์ผล” โดยเฉพาะการสนทนาที่ไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินน้ำเสียง เพราะไม่ใช่ผู้รับสารทุกคนจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงที่ผู้ส่งสารต้องการจะสื่อ เนื่องจากเพียงใช้วรรณยุกต์ผิด เว้นวรรคผิด ความหมายก็จะเปลี่ยนทันที และทำให้ “คุยกันไม่รู้เรื่อง” ได้
無論如何,有人反駁說,拼寫錯誤也並不是什麼大的問題,如果不影響交流,幹嘛要這麼嚴格呢?但是需要我們正確拼寫的唯一原因就是,我們要使交流圓滿實現,尤其是在不能看見說話對象、不能聽見說話對象的聲音的交流過程中,因爲並不是每個聽話者都能完全理解說話者需要傳達的含義,雖然僅僅只是聲調錯誤、斷句錯誤,意思立刻就會改變,讓彼此無法達到交流的效果。

泰國人也會用錯泰語? 知道這些你就不會奇怪啦! 第6張

所以並不是看到泰國小夥伴用的就全是對的哦,學習泰語最好的方法還是要系統學習正確的語法和規則,單詞也要好好記哦,不然以後哪天鬧了笑話可就讓大夥兒笑掉大牙啦~


不知道各位小夥伴在學習泰語的過程中還有哪些讓你頭疼的問題呢?評論區裏告訴我們吧!

 

聲明:本文由滬江泰語編譯整理,素材來自sanook,未經允許不得轉載。如有不妥,敬請指正。